ทุกวันนี้ AI กลายเป็นหัวข้อที่พูดถึงกันแทบทุกที่ ทั้งในโซเชียลมีเดีย ที่ทำงาน และอาจจะรวมถึงในกลุ่มแชทครอบครัวของคุณด้วย รู้สึกเหมือนเมื่อนาทีที่แล้วเรายังพยายามทำความเข้าใจว่าแฮชแท็กคืออะไร ก็กลายมาเป็นวันที่เราใช้หุ่นยนต์ช่วยเขียนเรียงความและวางแผนท่องเที่ยวแทนแล้ว และต่อมาไม่นานก็กลายมาเป็นวันที่เราขอให้หุ่นยนต์ช่วยเขียนเรียงความและวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวแล้ว
ถ้าเราลองเลื่อนฟีด Instagram ตอนนี้ รับรองได้เลยว่ามีโพสต์ที่สร้างด้วย AI อย่างน้อยหนึ่งโพสต์แน่ๆ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับโลกดิจิทัล จนทำให้คนในวงการการตลาดหลายคนเริ่มวิตก โดยเฉพาะกับสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นรากฐานของการตลาดออนไลน์อย่างการทำ SEO (Search Engine Optimisation) จนหลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “หรือว่ายุคของ SEO กำลังจะจบลงแล้ว?”
ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเว็บไซต์ หรือเป็นเพียงคนที่สนใจเรื่อง AI แบบสุดๆ คุณอาจกำลังสงสัยเหมือนกันว่า เมื่อ AI เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการค้นหาข้อมูลไปอย่างสิ้นเชิง แล้วอนาคตของ SEO จะเป็นอย่างไรต่อไป มาดูกันแบบเข้าใจง่ายๆ ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไม AI ถึงส่งผลกระทบต่อ SEO
ลองนึกดูว่า คุณค้นหาอะไรบน Google ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่? คุณอาจสังเกตเห็นฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า ‘AI Overview’ กล่องข้อมูลอัจฉริยะที่สรุปคำตอบก่อนที่คุณจะคลิกเข้าไปดูที่เว็บซะอีก
ยิ่งคุณต่อต้านมันมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งพลาดโอกาสที่จะใช้เครื่องมือที่ทรงพลังซึ่งอาจพาคุณก้าวไปข้างหน้าได้มากขึ้นเท่านั้น
เพียงฟีเจอร์เดียวนี้ ก็กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการตลาดทั้งระบบ จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเมื่อ AI สามารถสรุปคำตอบให้เราได้ทันที ทำไมต้องเสียเวลาเปิดดูหลาย ๆ ลิงก์เหมือนเมื่อก่อนล่ะ?
นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่เป็น “การเปลี่ยนพฤติกรรมครั้งใหญ่ของผู้ใช้” และถ้าเรายังต่อต้านหรือไม่ยอมรับมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพลาดโอกาสในการใช้ประโยชน์จากเครื่องมืออันทรงพลังนี้ ที่อาจพาคุณก้าวไปข้างหน้าได้มากขึ้นเท่านั้น
ลองย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อน เวลาเราปวดหัว เราต้องเปิดเว็บที่ละเว็บเพื่อหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เราแค่ถาม ChatGPT ก็ได้คำตอบทันที แถมรวดเร็วและไม่ต้องเสียเวลาคลิกหลายขั้นตอน สำคัญคือยังสามารถพูดคุย ถกเถียง และวิเคราะห์ลึกได้มากขึ้นอีกด้วย ตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปได้ไวมากขนาดนี้ แต่นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความสะดวกนี้ก็มี “ต้นทุน” สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ เพราะเมื่อได้คำตอบทันที ผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องคลิกลิงก์เข้าชมเว็บไซต์อีกต่อไป ซึ่งส่งผลโดยตรงให้จำนวนผู้เข้าชม (traffic) ลดลง การมองเห็นในผลการค้นหาลดลง โอกาสในการขายก็น้อยลงไปด้วย
ซึ่งอาจทำลายความพยายามหลายปีในการสร้างเว็บไซต์ที่เน้น SEO ไปเลย อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้หมายความว่า SEO จะตายไป แต่มันคือ “สัญญาณเตือน” ให้เราปรับกลยุทธ์ให้ฉลาดและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้ต่างหาก
อิทธิพลของ AI ที่มีต่อ SEO
AI ไม่เพียงเปลี่ยนวิธีที่เราทำการตลาดออนไลน์เท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนวิธีที่เราค้นหา พูดคุย และเชื่อมต่อกับโลกอีกด้วย ลองมาดู 4 วิธีหลักที่ AI กำลังเปลี่ยนโลกของ SEO กัน
- การค้นหากลายเป็นบทสนทนา
ลองนึกถึงเวลาที่คุณใช้ AI อย่าง ChatGPT หรือ Gemini ดูสิ ว่าตอนนี้คุณคุยกับมันยังไง คุณไม่ได้แค่พิมพ์คีย์เวิร์ดคำค้นหาอีกต่อไป แต่คุณมีถามคำถาม ขอคำอธิบายเพิ่มเติม และคุยโต้ตอบกับ AI อย่างจากการค้นหาแบบทางเดียว กลายเป็นการพูดคุยแบบสองทางซึ่งมีผลอย่างมากต่อ SEO เพราะตอนนี้ผู้ใช้คาดหวังคำตอบที่ลึกและตรงจุด มากกว่าแค่รายชื่อเว็บไซต์ - AI ไม่ได้จัดอันดับเหมือน SEO
เป้าหมายของ SEO คือการดันเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ ของหน้าค้นหา แต่สำหรับ AI มีเกณฑ์การพิจารณาของมันในการเลือกข้อมูล AI ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือของข้อมูล มากกว่าการอัดคีย์เวิร์ดหรือสร้าง backlink ถ้าจะพูดให้ง่ายๆ คือ อาจต้องปรับโครงสร้างกลยุทธ์ SEO แบบเดิมทั้งหมด เพื่อให้เข้ากับคลื่นยุคใหม่ของ AI - ผู้ใช้ต้องการคำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
การค้นหาในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากคำกว้างๆ อย่าง “ที่พักที่ดีที่สุดในซิดนีย์” กลายเป็นคำถามที่ละเอียดขึ้นอย่าง “พาสามีไปพักผ่อนแบบโรแมนติกที่ซิดนีย์ ที่ไหนดี?” จะเห็นได้ว่าความแตกต่างของวิธีการถามคำถามนี้สะท้อนพฤติกรรมใหม่ที่เน้นความรู้สึกและบริบท มากกว่าคีย์เวิร์ดเพียงไม่กี่คำ - AI ให้ความรู้สึกจริงใจมากขึ้นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
แม้ SEO จะทำงานได้ดีเมื่อเราใช้วิธีค้นหาแบบดั้งเดิม แต่เมื่อเราสามารถพูดคุยกับ AI ได้ การสร้างความรู้สึกไว้วางใจก็ง่ายขึ้น เพราะ AI สื่อสารในแบบที่ใกล้เคียงมนุษย์มาก และสามารถร้อยเรียงคำตอบให้ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้รู้สึกหรือสงสัยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ประโยชน์ของการนำ AI มาใช้ใน SEO
AI ไม่ใช่แค่กระแส แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่เกิดขึ้นจริง และจะยังเติบโตต่อไปเรื่อยๆ ไม่ว่าคุณจะปรับตัวหรือไม่ก็ตาม จะดีกว่าไหม หากคุณจะใช้โอกาสการเปลี่ยนแปลงนี้มาต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจคุณ
ต่อไปนี้คือข้อดีของการใช้ AI ในงาน SEO:
- อัพระบบ Automation ในระดับใหม่
ทุกวันนี้มีเครื่องมือ AI สำหรับ SEO มากมายที่ช่วยลดภาระงานที่เคยใช้เวลานาน เช่น การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด การศึกษาคู่แข่ง หรือการทำ technical audit เครื่องมือ AI สามารถช่วยให้งานเหล่านี้เสร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว ลองนึกภาพว่าเมื่อก่อนที่คุณเคยใช้เวลาและทรัพยากรไปมากมายกับการรับลูกค้าใหม่ 10 ราย แต่ตอนนี้ AI ช่วยเร่งการทำงานทุกขั้นตอนได้เหมือนติดจรวด - การสร้างและปรับเนื้อหาให้เหมาะสม
ใครทำงานสาย SEO คงเข้าใจดีว่าการสร้างบรีฟเนื้อหาและเขียนบทความให้แทรกคีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาตินั้นเหนื่อยแค่ไหน แต่ตอนนี้ AI ไปไกลกว่าแค่การสแกนหาคีย์เวิร์ด เพราะ AI เข้าใจบริบท เจตนา และน้ำเสียง ของเนื้อหาในระดับที่ลึกซึ้งกว่าเดิม ทำให้สามารถสร้างบทความที่ตอบโจทย์ทั้งผู้อ่านและอัลกอริทึมได้ในเวลาเดียวกัน - การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
กลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลคือหัวใจสำคัญของการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ไม่สำคัญว่าเนื้อหาของคุณจะดี หรือภาพโฆษณาจะสวยงามเหมือนภาพในนิยาย แต่ถ้าคุณไม่รู้จักใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์ ก็เท่ากับว่ากำลังทิ้งศักยภาพจำนวนมากไปเปล่า ๆ เครื่องมือ AI สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ ทั้งยังคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต ช่วยให้ธุรกิจวางกลยุทธ์อย่างชาญฉลาดและมีหลักการรองรับ - ยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้
หัวใจของการตลาดที่ดีคือ ประสบการณ์ของผู้ใช้ เพราะจะทำให้เกิดความไว้วางใจและความภักดีของลูกค้า แต่คำถามใหญ่คือ จะมอบประสบการณ์ที่เหมาะสมให้กับผู้ใช้แต่ละคนที่แตกต่างกันได้อย่างไร? AI สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและความชอบของแต่ละคน เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล ผู้ใช้แต่ละคนจึงได้รับข้อความหรือคอนเทนต์ที่ตรงใจมากขึ้น
ความเสี่ยงของ AI ต่อ SEO
การเรียนรู้ที่จะใช้ AI ในงาน SEO ตั้งแต่ตอนนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ แต่แน่นอนว่า AI ก็มีด้านลบเช่นกัน และถ้าคุณไม่ทันระวังตั้งตัว ก็อาจส่งผลเสียต่อธุรกิจได้
- AI อาจสร้าง “โลกแคบๆ” ของข้อมูล
AI รู้จักคุณมากกว่าที่คุณคิด เพราะ AI เรียนรู้จากพฤติกรรมของเราตั้งแต่การค้นหา การคลิก และพฤติกรรมในอดีตของคุณ เช่น ถ้าคุณเคยค้นหา “วิธีสร้างขอบเขตในที่ทำงาน” AI ก็อาจเดาได้ว่าคุณมีปัญหากับเจ้านาย และจะเริ่มแสดงเนื้อหาที่สอดคล้องกับมุมมองนั้นซ้ำ ๆ จนคุณไม่เห็นมุมมองอื่นอีกเลย แต่มันไม่ใช่แค่ข้อมูลส่วนตัวของคุณเท่านั้น AI ยังเรียนรู้จากข้อมูลรวมของสังคม ทำให้มันมีแนวโน้มจะนำเสนอมุมมองหลักจนทำให้มุมมองทางเลือกอาจถูกลืมไป สิ่งนี้อาจเป็นความเสี่ยงอย่างมาก และมันเกิดขึ้นอย่างละเอียดอ่อนจนเรามักไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำ และอาจทำให้ติดอยู่ใน “echo chamber” โดยไม่รู้ตัว - ทำให้ผู้ใช้ขาดการค้นคว้าด้วยตนเอง
ฟีเจอร์อย่าง AI Overview ทำให้หลายคนเชื่อคำตอบแรกที่เห็น โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม แม้บางคำตอบจะไม่ครบถ้วน แต่เพราะมันให้คำตอบรวดเร็ว เราเผลอเชื่อในทันทีโดยไม่สงสัย นี่คือความเสี่ยงใหญ่ที่ทำให้ทักษะการคิดวิเคราะห์ของเราถดถอย เพราะเราไม่ขุดลึก ไม่ตั้งคำถาม และปล่อยให้ AI ตัดสินแทนทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังมักสรุปข้อมูลซับซ้อนให้สั้นลงเกินไป จนทำให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆ แบบผิวเผิน - ลดแรงจูงใจในการแสดงความคิดเห็นเอง
AI ทำให้แนวคิด “ทำงานอย่างฉลาด ไม่ใช่หนัก” นำมาใช้ได้ง่ายขึ้น แทนที่จะอ่านและสร้างความคิดเห็นของเราเอง เรากำลังปล่อยให้ AI ทำแทนเรา ซึ่งทำให้พฤติกรรมของเรากลายเป็นการบริโภคข้อมูลแบบเฉื่อยชา แทนที่จะเป็นผู้ตั้งคำถามหรือโต้แย้งอย่างมีเหตุผล - AI Overview ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของ AI คือ น้ำเสียงที่ฟังแล้วเหมือนรู้ทุกอย่างและมีอำนาจ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างข้อเท็จจริงและสิ่งเติมแต่งพร่ามัว ที่สำคัญคือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) ไม่ได้เข้าใจเนื้อหาอย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงการคาดเดารูปแบบของคำตอบ มากกว่าที่จะเข้าใจความซับซ้อนที่แท้จริงของเนื้อหา ทำให้บางครั้งคำตอบอาจถูกนำเสนอในลักษณะที่ฟังดูครบถ้วน ทั้งที่จริงแล้วไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์
จะปรับกลยุทธ์ SEO ให้เข้ากับ AI อย่างไร
หากอยากใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่ สิ่งสำคัญคือ อย่าคิดแบบขาวหรือดำเกินไป ธุรกิจจำนวนมากมักติดกับดักความคิดแบบสุดโต่ง จนมองไม่เห็นพลังที่อยู่ในพื้นที่สีเทา พื้นที่ที่คุณใช้ AI เพื่อยกระดับธุรกิจของคุณทั้งการปรับกลยุทธ์ เพิ่มประสิทธิภาพของคอนเทนต์ และการวิเคราะห์ข้อมูลให้แม่นยำยิ่งกว่าเดิม
กุญแจสำคัญคือ “การใช้ AI ทำงานร่วมกับคุณ” ไม่ใช่ “ให้ AI ทำงานแทนคุณ”
นี่คือ 3 วิธีที่คุณสามารถปรับกลยุทธ์ SEO ให้สอดคล้องกับการทำงานของ AI อย่างมีประสิทธิภาพ:
- เชี่ยวชาญการทำ Answer Engine Optimisation (AEO)
AI Overview ให้ความสำคัญกับสิ่งหนึ่งมากที่สุด นั่นก็คือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพ อัลกอริทึมจะสแกนหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และตรงประเด็น หากคุณสร้างคอนเทนต์ที่ชัดเจน กระชับ และทันสมัย คุณกำลังส่งสัญญาณให้ AI รู้ว่าคำตอบของคุณคือคำตอบที่ควรนำมาแสดงให้ผู้ใช้ในหน้าแรก หลักการนี้เป็นหลักการที่คุณอาจใช้ทำ SEO อยู่แล้ว เพียงแค่ต้องปรับแต่งเล็กน้อยและเน้นกลยุทธ์ให้มากขึ้นเท่านั้น
เพียงแค่ต้องเพิ่ม “ความละเอียดและโฟกัสเชิงกลยุทธ์” ให้มากขึ้นเท่านั้น - ใช้ประโยชน์จาก Structured Data ขั้นสูง
เนื้อหาของคุณถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ “คนอ่านเข้าใจ” แต่ Structured Data คือภาษาที่พูดกับ ครื่องมือ มันคือคู่มือที่บอกให้ Search Engine เข้าใจว่า หน้าเว็บของคุณพูดถึงอะไร และทำไมถึงสำคัญ ความชัดเจนนี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจกับอัลกอริทึมของ AI ได้มากขึ้น ทุกวันนี้คุณสามารถใช้เครื่องมือ AI เพื่อวิเคราะห์และจัดโครงสร้างข้อมูลเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนโค้ดเลย - ผสาน AI เข้ากับขั้นตอนการทำ SEO ของคุณ
AI สามารถเร่งกระบวนการที่น่าเบื่อและให้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่ยำยิ่งขึ้น (เราก็เคยไม่เชื่อ จนได้ลอง) แต่มันไม่ได้มาแทนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ มันแค่เข้ามาช่วยลดภาระงานเทคนิคที่ที่กินเวลา เช่น การใช้ AI เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ด หรือสร้างโครงร่างคอนเทนต์ ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเวลาในงานพื้นฐาน พราะ AI จะจัดการกับงานที่ซ้ำซาก คุณมีเวลาไปโฟกัสกับส่วนที่ AI ไม่สามารถทำได้ เช่น การวางกลยุทธ์ การเล่าเรื่อง และการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับผู้อ่าน
ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสามกลยุทธ์นี้แสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่า แม้ AI จะเปลี่ยนวงการการตลาดไปอย่างมาก แต่มันไม่ใช่ภัยคุกคามอย่างที่หลายคนคิด Nick หัวหน้าแผนก SEO ของเรา อธิบายเรื่องนี้ได้ดีมาก “AI เก่งในการผลิตคอนเทนต์จำนวนมาก แต่สิ่งที่ AI ไม่มีคือ ‘ประสบการณ์ชีวิตที่สดใหม่’”
Nick เห็นว่า AI ไม่สามารถแทนมุมมองของมนุษย์ที่มาจากประสบการณ์จริงได้ “เพราะฉะนั้นเราต้องใส่ความคิด ความรู้สึก เรื่องราว และความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ลงไปในคอนเทนต์ที่มี AI ช่วย เพราะถ้าขาดสิ่งเหล่านี้ไป โลกออนไลน์ก็จะเต็มไปด้วยเนื้อหาที่พูดเหมือนกันไปหมด”
AI และ SEO ในปี 2026
นี่คือคำถามที่ฮอตที่สุดในการตลาดดิจิทัล อนาคตของ SEO ในยุค AI จะเป็นอย่างไร? และคำตอบเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่า SEO ในอนาคตจะเป็นแบบสนทนา (Conversational SEO)
ทุกวันนี้ ผู้คนไม่ได้ใช้ AI แค่เพื่อหาคำตอบ แต่เพื่อพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นการขอคำแนะนำ การวางแผน หรือแม้แต่ระบายอารมณ์ ความต้องการปฏิสัมพันธ์แบบมนุษย์กับเทคโนโลยีกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และกำลังเปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารในโลกออนไลน์อย่างสิ้นเชิง
ในจังหวะที่ AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ ผู้ใช้ให้ความสำคัญกับภาษาธรรมชาติ ผู้ใช้อยากสื่อสารกับเทคโนโลยีแบบเดียวกับเวลาที่พูดคุยกับเพื่อนที่ไว้ใจได้ ไม่ใช่แค่พิมพ์คีย์เวิร์ดสั้นๆ ลงในช่องค้นหา แล้วธุรกิจจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ทันเกม? ถ้าคุณกำลังมีคำถามนี้อยู่ในหัว แปลว่าคุณเริ่มมาถูกทางแล้ว
- ปรับเนื้อหาให้เหมาะกับคำถามเชิงสนทนา Conversational Queries) ไม่ใช่แค่คีย์เวิร์ด
กลยุทธ์ SEO ในยุคนี้ต้องเปลี่ยนจากการไล่เก็บคีย์เวิร์ด มาเป็นการตอบคำถามเต็มรูปประโยค ที่ผู้ใช้พิมพ์หรือพูดจริง ๆ เพราะเมื่อการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้จะถามด้วยภาษาพูด และต้องการคำตอบที่ตรง ชัด และอ่านออกเสียงได้ทันที ดังนั้นเนื้อหาของคุณควรอธิบาย “ทำไม” และ “อย่างไร เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่คุณค่าสำหรัล LLM ที่ขับเคลื่อนโดย AI ในการดึงข้อมูลมาสรุปให้ผู้ใช้ - สร้างระบบสนทนาของคุณเอง
ลองพัฒนาแชตบอท AI บนเว็บไซต์ของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยเลือกสินค้า ฝ่ายบริการลูกค้า หรือที่ปรึกษาด้านเทคนิค แชตบอทเหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับผู้ชมของคุณได้
พัฒนาน้ำเสียงของแบรนด์สำหรับ AI
ลองคิดดูว่า ทำไมเราถึงรู้สึกถูกดึงดูดเข้าหาคนบางคน อาจเพราะน้ำเสียง อารมณ์ขัน เสียงหัวเราะ หรือค่านิยมที่ตรงกัน แบรนด์ก็เหมือนกัน ผู้คนไม่ได้หลงรักแค่สินค้า แต่รักในบุคลิกของแบรนด์มากกว่าผลิตภัณฑ์ ดังนั้น เมื่อ AI กำลังกลายเป็น “เสียงหลัก” ของแบรนด์ คุณจึงต้องกำหนดบุคลิกและสร้างเอกลักษณ์ซึ่งสะท้อนถึงแบรนด์อย่างแท้จริง ชัดเจน และสอดคล้องในทุกช่องทาง ตั้งแต่ข้อความบนเว็บไซต์ไปจนถึง Chatbot
เอเจนซี่การตลาดควรปรับตัวอย่างไร
คุณอาจสงสัยว่าคุณจะนำทั้งหมดนี้ไปใช้อย่างไรดี ไม่ต้องกังวล สิ่งที่คุณต้องทำอย่างแรกคือ การเข้าใจธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของการตลาดดิจิทัล และพร้อมที่จะปรับตัวไปกับมัน
เราได้พูดคุยกับ Nicolas ‘Nic’ Appave หัวหน้าแผนก SEO ของเรา ว่าเอเจนซี่การตลาดสามารถพัฒนาไปพร้อมกับ AI ได้อย่างไร “SEO เป็นเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงมาตลอด AI เป็นเพียงคลื่นลูกต่อไป”
Nic อธิบาย ตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ การปรับเนื้อหาให้เหมาะกับ Large Language Models (LLMs) หรือที่เรียกว่า “Generative Engine Optimisation (GEO)” เพื่อให้คอนเทนต์ของคุณถูกเลือกแสดงใน AI Overview ของ Google และในอนาคตข้างหน้า การปรับเว็บไซต์ให้เหมาะกับ AI agents จะเป็นอีกสมรภูมิใหม่ที่ทั้ง OpenAI และ Google กำลังวางโครงสร้างอยู่ในตอนนี้
แล้วเอเจนซี่จะอยู่ก้าวนำหน้าได้อย่างไร? “ธุรกิจที่อยากอยู่แถวหน้า ต้องอยากรู้อยากเห็น ทดลองตั้งแต่เนิ่นๆ และจับตาดูความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิดว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้พัฒนาไปอย่างไร” Nic กล่าว “ที่ Move Ahead Media เราทำแบบนั้นอยู่ทุกวัน” เขาสรุปว่า “ที่ MAM เราปฏิบัติต่อ AI เป็นตัวเสริม แต่การมีส่วนร่วมของมนุษย์คือสิ่งที่ทำให้เนื้อหามีความหมายและแตกต่างออกไป”
Nic สรุปได้อย่างชัดเจนว่า “บทบาทของ SEO ไม่ได้หายไป แต่มันกำลังพัฒนาไปอีกขั้น ที่ MAM เรามองว่า AI คือเครื่องมือช่วย แต่สิ่งที่ทำให้คอนเทนต์มีความหมายและแตกต่างคือ มนุษย์
คู่มือฟรี: รวมเครื่องมือ AI ที่คุณควรเริ่มใช้วันนี้
หลายคนคิดว่า AI คืออนาคต แต่จริงๆ มันอยู่ตรงนี้แล้ว ลองคิดถึงฟีดโซเชียลมีเดียของคุณ ทำไมมันถึงรู้ว่าต้องแสดงเนื้อหาอะไรถึงจะทำให้คุณไถฟีดไม่เลิกจนไม่ยอมหยุดวางโทรศัพท์? มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันออกแบบมาแบบนั้นด้วย AI ที่ขับเคลื่อนการปรับแต่งแบบเฉพาะบุคคล (AI-driven personalisation) พลังของการปรับเนื้อหาแบบเรียลไทม์เพื่อดึงดูดคุณอย่างแม่นยำ และพลังเดียวกันนี้พร้อมจะพลิกเกมธุรกิจของคุณเช่นกัน
พร้อมจะเริ่มใช้ AI เพื่อขับเคลื่อน SEO ของคุณหรือยัง? ดาวน์โหลดคู่มือฟรีของเราที่รวมเครื่องมือ AI ที่จำเป็นสำหรับการทำ SEO อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อย
เนื้อหาที่สร้างด้วย AI จะมีโอกาสติดอันดับสูงกว่าเนื้อหาที่เขียนโดยคนหรือไม่?
การจัดอันดับของ Search Engine ขึ้นอยู่กับ “คุณภาพของเนื้อหา” ไม่ใช่ “ผู้เขียน” เนื้อหาที่ได้อันดับสูงสุดมักจะมีข้อมูลเชิงลึก มีคุณค่า และน่าเชื่อถือเสมอ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์และประสบการณ์ของมนุษย์ช่วยให้เนื้อหามีความได้เปรียบอย่างชัดเจน และยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้คอนเทนต์มีเอกลักษณ์และได้รับการจัดอันดับให้อยู่สูง
เมื่อ AI สามารถตอบคำถามได้ทันทีในหน้าค้นหา แล้ว SEO ยังจำเป็นไหม?
ยังจำเป็นแน่นอน เพราะ AI Overview ไม่ได้สร้างคำตอบใหม่ แต่แค่สรุปจากเนื้อหาที่ดีที่สุดที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นเป้าหมายของ SEO ในตอนนี้ไม่ใช่แค่การติดอันดับ 1 แต่คือการทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิง ที่ AI เลือกนำมาใช้
ควรตัดงบ SEO แล้วไปลงโฆษณาในระบบ AI Chat แทนหรือไม่?
ไม่แนะนำให้ทำแบบนั้นค่ะ เพราะระบบ AI ยังอาศัยข้อมูลต้นทางที่เชื่อถือได้ เพื่อสร้างคำตอบ ซึ่งมาจาก SEO ที่แข็งแรง การลดงบ SEO เพื่อไปทุ่มให้การโฆษณารูปแบบใหม่อาจเป็นการเสี่ยงเกินไป การเสียสละสินทรัพย์หลักของคุณเพื่อรูปแบบโฆษณาทดลองเป็นการเคลื่อนไหวที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์โฆษณาใน AI Chat ได้ หากเป็นการทดลองเล็กๆ แบบแยกต่างหาก ตราบใดที่ไม่กระทบกับกลยุทธ์ SEO หลักของคุณ



